วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556

น.พ.ธีรวัฒน์ เหมะจุฑา ศัลยแพทย์ระบบประสาท คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า คลื่นโทรศัพท์มือถือมีฤทธิ์ก่อมะเร็ง

แพทย์สรุปแล้วคลื่นโทรมือถือมีฤทธิ์ก่อมะเร็ง

ศัลยแพทย์จุฬาฯระบุ ผลวิจัยของ ฮาร์วาร์ด

ที่ได้รับทุนจากบริษัทมือถือสรุปผลออกมาแล้วว่า

การใช้โทรศัพท์มือถือส่งผลให้เซลล์มนุษย์เปลี่ยนแปลง

และอาจก่อให้เกิดมะเร็งหรือเนื้องอกในสมองได้

แนะให้กดรับ โทรศัพท์ให้ห่างตัวก่อนพูดคุยตามปกติ

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม น.พ.ธีรวัฒน์ เหมะจุฑา

ศัลยแพทย์ระบบประสาท คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า

เมื่อเร็วๆ นี้รายงานของคณะกรรมการพิเศษ สภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกา

ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากบริษัทโทรศัพท์มือถือทุกยี่ห้อทุกระบบ

ให้คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเป็นผู้บริหารจัดการ

โดยศึกษาวิจัยการใช้โทรศัพท์มือถือผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาว

และได้ทยอยเปิดเผยรายงานวิจัยดังกล่าวออกมาเป็นระยะล่าสุดเมื่อไม่กี่เดือน

นี้ นักวิจัยได้เปิดเผยผลการศึกษาในสัตว์ทดลองที่ศึกษามานานกว่า 7 ปี

พบว่า การใช้โทรศัพท์มือถือมีผลกระทบต่อความเปลี่ยนแปลงในระดับเซลล์ของ

มนุษย์ทำให้การซ่อมแซมดีเอ็นเอในร่างกายเสื่อมสมรรถภาพ

และมีความเป็นไปได้ทำให้เกิดเนื้องอกหรือมะเร็งที่สมองได้

จากการศึกษาดังกล่าว นักวิจัยได้นำไปศึกษาต่อในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งสมอง

พบว่าเนื้องอกที่สมองมีความสัมพันธ์กับการใช้โทรศัพท์มือถือ

กล่าวคือพบว่าผู้ป่วยที่เป็นเนื้องอกในสมองจะเป็นข้างเดียวกับข้างที่ใช้โทรศัพท์

ถ้าถือโทรศัพท์มือถือข้างขวาก็เป็นเนื้องอกที่สมองข้างขวา

และยังพบว่าในเนื้องอกนั้นมีเซลล์ลักษณะพิเศษที่พบเฉพาะในผู้ที่ใช้

โทรศัพท์มือถือ ซึ่งนักวิจัยพยายามหาข้อมูลเชิงระบาดวิทยาให้มากขึ้น

เพื่อยืนยันผลการทดลองดังกล่าว แต่โดยสรุปแล้วคณะกรรมการพิเศษเห็นว่าผลการศึกษานี้มีมูล

รวมทั้งจะพิมพ์เป็นตำราอย่างเป็นทางการภายในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนนี้

จนเป็นเหตุให้บริษัทที่ทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือพยายามวิ่งล็อบบี้ไม่ให้

ผลการวิจัยนี้ออกมาเผยแพร่ ต่อสาธารณชน น.พ.ธีรวัฒน์กล่าวอีกว่า

นอกจากนี้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคของประเทศอังกฤษ

ยังได้ออกประกาศเตือนประชาชน โดยเฉพาะวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 16 ปี

ไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือ เพราะเชื่อว่า ช่วงอายุดังกล่าวสมองของเด็กวัย รุ่นยังเติบโตพัฒนาไม่เต็มที่

อีกทั้งกะโหลกศีรษะไม่หนาพอที่จะรับผลกระทบจากคลื่นแม่เหล็กหรือรังสีจากโทรศัพท์

มือถือได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย อย่างไรก็ตามจากการศึกษาผลกระทบต่อสุขภาพ

จากโทรศัพท์มือถือทั่วโลกก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการใช้โทรศัพท์มือถือ

ครั้งละ 1 นาที10 ครั้ง ติดต่อกัน ช่วงระยะเวลาหนึ่ง กับการใช้โทรศัพท์มือถือ

ครั้งละ 10 นาที มีอันตรายมากน้อยต่างกันหรือไม่อย่างไร

อย่างไรก็ตาม ในต่างประเทศนั้นมีคำแนะนำให้ผู้ที่จำ

เป็นต้องใช้โทรศัพท์มือถือเป็นประจำให้ใช้อุปกรณ์แฮนด์ฟรีช่วย

เพื่อให้ปริมาณและอัตราการใช้โทรศัพท์มือถือห่างสมองมากที่สุด

ขณะเดียวกันก็มีนักวิจัยถกเถียงเรื่องแฮนด์ฟรีนี้อยู่มากว่า

จะช่วยบรรเทาผลกระทบต่อสมองได้มากน้อยเพียงใด

เนื่องจากพลังงานคลื่นแม่เหล็กจากโทรศัพท์มือถือจะมีมากที่สุด

ขณะที่มีสายเรียกเข้าซึ่งระหว่างนั้น เสาสัญญาณจะปล่อยพลังงานออกมาก

เพื่อรับส่งสัญญาณผมจึงอยาก แนะนำว่าโทรศัพท์มือถือใน

ยุคนี้สมัยนี้อาจจะมีความจำเป็นสำหรับประชาชนอยู่ เพราะฉะนั้นหากจำเป็นต้องใช้

ขอให้ใช้น้อยที่สุด และเมื่อมีสัญญาณโทรศัพท์เรียกเข้ามา

กดรับสายให้ห่างตัวสักพักจึงค่อยนำมาแนบหู เพื่อความปลอดภัย

เพราะผลกระทบทบจากโทรศัพท์มือถือทุกระบบ ทุกยี่ห้อ

ไม่ได้แสดงออก ให้เห็นทันทีทันใด แต่จะเป็นผลสะสมระยะยาว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น