วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

โทรศัพท์มือถือกับผลต่อสุขภาพ

บทความโดย สมาคมนิวเคลียร์แห่งประเทศไทย

บทนำ
โทรศัพท์เคลื่อนที่หรือโทรศัพท์มือถือได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่ออุตสาหกรรมการสื่อสาร อุปกรณ์เหล่านี้ทำให้สามารถโทรศัพท์ติดต่อถึงกันโดยโทรจากที่ไหนก็ได้ โทรศัพท์ชนิดนี้มี 2 ประเภท โทรศัพท์โดยทั่วไปจะมีเสาอากาศติดอยู่ที่ตัวโทรศัพท์ อีกประเภทจะมีเสาอากาศแยกออกต่างหากและในกรณีที่ติดตั้งในรถ อาจมีเสาอากาศติดอยู่ที่หน้าต่างหรือหลังคารถ การติดต่อระหว่างโทรศัพท์มือถือกับสถานีที่ใกล้ที่สุดใช้ไมโครเวฟที่ออกมาจากเสา ซึ่งในบทความนี้จะกล่าวถึงแต่โทรศัพท์มือถือแบบธรรมดาเท่านั้น
ผลกระทบต่อสุขภาพ Basis of Health Concerns โทรศัพท์มือถือแบบธรรมดาจะมีผลต่อสุขภาพสูงขึ้นถ้ามีเสาอากาศติดตั้งอยู่ด้วย ในขณะที่ใช้งานเสาอากาศจะอยู่ใกล้ชิดกับศีรษะของผู้ใช้ ทำให้มีความกังวลเกี่ยวกับระดับการได้รับรังสีไมโครเวฟของสมอง
โทรศัพท์ที่เสาอากาศถูกห่อหุ้มไว้จะมีผลน้อยกว่า เนื่องจากระดับของการได้รับรังสีจะลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อระยะห่างจากเสาอากาศเพิ่มขึ้น โทรศัพท์ไร้สายที่ใช้งานโดยอยู่ห่างจากเครื่องรับได้ในระยะไม่เกิน 20 เมตร การใช้งานจะไม่มีผลต่อสุขภาพเนื่องจากระดับรังสีต่ำมาก
มีรายงานจำนวนมากปรากฏในสื่อต่างๆ ว่ามีอาการผิดปกติที่เกิดจากการใช้โทรศัพท์มือถือ เช่น ปวดศีรษะ มีจุดร้อน (hot spots) ในสมองและมะเร็งสมอง
มีรายงานในสื่อเหล่านั้นว่า ประมาณ 70% ของไมโครเวฟที่แผ่ออกมาจากโทรศัพท์มือถือจะถูกดูดกลืนไปที่ศีรษะของผู้ใช้ เรื่องนี้ไม่มีการยืนยันอย่างแน่ชัด แต่ก็เสี่ยงที่จะทำให้เกิดจุดร้อน (hot spots) ขึ้นในสมองของผู้ใช้ ทำให้การใช้โทรศัพท์มือถืออาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ มีรายงานบางแห่งที่ชี้ให้เห็นว่าผู้ใช้หลายรายมีอาการปวดศีรษะหลังจากใช้โทรศัพท์มือถือ ขณะนี้จึงเป็นการยากที่จะประเมินความแน่นอนของรายงานเหล่านี้ เนื่องจากยังไม่มีรายงานออกมาอย่างเป็นทางการ
มีรายงานถึงการเกิดมะเร็งสมองในอเมริกาว่า มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ฟ้องร้องผู้ผลิตหรือจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ว่าไมโครเวฟจากโทรศํพท์มือถือทำให้พวกเขาเกิดมะเร็งสมอง แต่เมื่อมีการตรวจสอบแล้วพบว่าบางรายเกิดความเข้าใจผิด
ผลของการได้รับไมโครเวฟที่เราทราบแล้ว ไมโครเวฟเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่ง สิ่งที่แสดงคุณสมบัติของคลื่นเหล่านี้คือความถี่ บางช่วงความถี่เป็นสิ่งที่นำมาใช้ในการสื่อสารรวมทั้งไมโครเวฟด้วย
มีประชาชนบางส่วนเข้าใจผิดเนื่องจากการเผยแพร่ของสื่อ ถึงโอกาสของการได้รับผลกระทบจากการได้รับคลื่นจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าจากสายไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งมีความถี่ต่ำกว่าไมโครเวฟจากโทรศัพท์มือถือมาก คุณสมบัติและผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตของคลื่นชนิดนี้แตกต่างจากไมโครเวฟมาก การนำรายงานการศึกษาที่เกิดจากคลื่นชนิดนี้มาขยายผล (extrapolate) จึงไม่มีความหมายใดๆ
มาตรฐานการป้องกันรังสี (ARPANSA Radiation Protection Standard) ซึ่งกำหนดระดับการได้รับรังสีสูงสุดสำหรับคลื่นความถี่ 3 กิโลเฮิร์ต – 300 กิกะเฮิร์ต ("Maximum Exposure Levels to Radiofrequency Fields - 3kHz to 300 GHz ") ซึ่งเป็นสิ่งที่ทราบแน่ชัดแล้วถึงผลทางด้านความร้อน (thermal effects) ที่เกิดจากการได้รับไมโครเวฟ นั่นคือ เมื่อเนื้อเยื่อได้รับไมโครเวฟสูงถึงระดับหนึ่ง เนื้อเยื่อจะร้อนและเกิดความเสียหาย ขีดจำกัดของการได้รับรังสี (exposure limits) จึงกำหนดเอาไว้ต่ำกว่าระดับที่จะทำให้เกิดความร้อน มาตรฐานนี้ได้กำหนดขีดจำกัดของการได้รับรังสีที่ไม่ทำให้เกิดความร้อน (non-thermal effects)
โทรศัพท์มือถือทั้งหมดที่วางจำหน่ายในออสเตรเลีย จะต้องเป็นไปตามข้อบังคับของ Australian Communications and Media Authority (ACMA) และเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดเพดานกำลังส่งของโทรศัพท์มือถือ ดังนั้น จึงคาดว่าการใช้โทรศัพท์มือถือจะไม่ทำให้เกิดความร้อนกับส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย รวมทั้งสมองด้วย
รายงานบางชิ้นได้ชี้ให้เห็นว่าอาจจะมีผลที่ไม่ใช่ความร้อน (non-thermal effect) เกิดขึ้นจากการได้รับไมโครเวฟระดับต่ำ แต่ผลที่เกิดขึ้นเหล่านี้ยังไม่แน่ชัดพอที่จะนำมาใช้กำหนดไว้ในมาตรฐานได้
ความไม่แน่นอนในการเกิดมะเร็ง
มีรายงานการศึกษาบางชิ้นถึงการได้รับไมโครเวฟในสัตว์พบว่า สามารถกระตุ้นให้มะเร็งขยายตัวเร็วขึ้น เรื่องนี้ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมถึงผลที่แน่นอนและความสัมพันธ์ของผลที่เกิดขึ้นกับปริมาณรังสี ผลที่เกิดขึ้นในลักษณะนี้กับผู้ใช้โทรศัพท์มือถือยังไม่ชัดเจน ในระดับนี้ จึงไม่ควรที่จะตัดออกไปจากการพิจารณา
มีการศึกษาไม่มากนักที่จะให้ข้อมูลโดยตรงถึงความเป็นไปได้เกี่ยวกับผลเสียของโทรศัพท์มือถือต่อประชาชนทั่วไป รวมถึงการหาค่าจำกัดของระดับของคลื่น ผลจากการศึกษาเหล่านี้ตีความได้ยาก เนื่องจากไม่มีการวัดระดับของคลื่นที่ได้รับ หรือไม่สามารถหาได้จากข้อมูลที่มีอยู่ โดยทั่วไป การศึกษาเหล่านี้จะมีประโยชน์เมื่อนำไปเชื่อมโยงระหว่างการใช้โทรศัพท์มือถือกับความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง ซึ่งยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมถึงผลกระทบที่เกิดกับกลไกทางชีววิทยา ทั้งในแง่ของการวิจัยระดับเซลล์และในสัตว์ทดลอง
หน่วยงานป้องกันรังสีออสเตรเลีย (Australian Radiation Protection) และองค์การความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ (Nuclear Safety Agency) ได้ติดตามงานวิจัยเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
ในกรณีของการเกิดมะเร็งสมองในผู้ใช้โทรศัพท์มือถือนั้น สิ่งสำคัญที่ต้องทราบก่อนคือ ในบางรายนั้นมีการเกิดมะเร็งขึ้นตั้งแต่ก่อนที่จะใช้โทรศัพท์มือถือ การจะจำแนกถึงสาเหตุของการเป็นมะเร็งในแต่ละรายจึงเป็นเรื่องยาก การศึกษาในระยะยาวถึงผลกระทบต่อผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ เช่น การเกิดมะเร็งสำหรับประชาชนทั่วไปจึงยังมีข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
การสนับสนุนงานวิจัยของรัฐบาล
ตั้งแต่ปี 1996 รัฐบาลออสเตรเลียได้อนุมัติงบประมาณในโครงการพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ Electromagnetic Energy (EME) Program จำนวน 1 ล้านเหรียญต่อปี โครงการนี้ให้การสนับสนุนงานวิจัยเพื่อให้ได้ข้อมูลผลกระทบต่อประชาชนจากการใช้โทรศัพท์มือถือ สถานีถ่ายทอดสัญญาณ (base stations) รวมทั้งเครื่องมือและอุปกรณ์ในการสื่อสาร โครงการนี้จะเน้นไปที่ประชาชน โดยหาข้อมูลในการกำหนดมาตรฐานและนโยบายด้านสุขภาพที่มีฐานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุด
โครงการ EME ได้ร่วมกับ Committee on Electromagnetic Energy Public Health Issues (CEMEPHI) และผู้แทนจาก Department of Communications, Information Technology กับ Department of Health and Ageing, ARPANSA, ACMA, รวมทั้ง National Health and Medical Research Council (NHMRC) โครงการนี้ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ
โครงการวิจัยออสเตรเลีย (Australian research program) โดย NHMRC เป็นผู้ดำเนินการวิจัยด้านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (EME) ในออสเตรเลียและร่วมกับประเทศอื่นในภูมิภาค
ให้ออสเตรเลียเข้าร่วมในองค์การอนามัยโลกหรือ World Health Organization's (WHO) โครงการคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าระหว่างประเทศหรือ International Electromagnetic Field (EMF) Project อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมจากการได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (EME)
โครงการประชาสัมพันธ์ (public information program) ดำเนินการโดย ARPANSA ทำหน้าที่ให้ข้อมูลแก่สื่อต่างๆ และประชาชน
บทสรุป
ยังไม่มีความแน่ชัดว่าการได้รับคลื่นไมโครเวฟจากโทรศัพท์มือถือจะทำให้เกิดมะเร็ง และยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่แน่นอนว่าการได้รับคลื่นไมโครเวฟจะเร่งให้มะเร็งที่เป็นอยู่แล้วขยายตัวเร็วขึ้น ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยเรื่องนี้ให้มากขึ้นอีก
ผู้ใช้ที่มีความกังวลถึงโอกาสที่จะเกิดผลกระทบต่อสุขภาพสามารถลดการได้รับคลื่นไมโครเวฟโดย ลดเวลาในการใช้โทรศัพท์มือถือให้น้อยลง ใช้โทรศัพท์มือถือชนิดที่ไม่มีเสาอากาศ หรือใช้ hands-free ในขณะที่ใช้โทรศัพท์มือถือ
ปัจจุบัน ยังไม่มีรายงานการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน เกี่ยวกับผลเสียต่อสุขภาพของประชาชนจากการใช้โทรศัพท์มือถือระยะยาว
ถอดความจาก Mobile Telephones and Health Effects
เวบไซต์

แหล่งข้อมูล :
http://www.nst.or.th/article/article494/article49402.html
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น